top of page
Search

เทคนิคการเขียนบทนำการวิจัย (Introduction)แบบมืออาชีพ: เคล็ดลับที่นักศึกษาและนักวิจัยมือใหม่ไม่ควรพลาด

  • Writer: Chupasireen A Fredregill, Ph.D.Public Health
    Chupasireen A Fredregill, Ph.D.Public Health
  • May 22
  • 2 min read

Updated: May 25

บทนำ

บทที่ 1: บทนำ เปรียบเสมือนประตูที่เปิดเข้าสู่บ้าน เป็นเรื่องย่อที่ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจภาพรวมของการวิจัยตั้งแต่ต้นจนจบ ก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาหลัก ทำให้ผู้อ่านมองเห็นว่าการวิจัยเรื่องนี้มีความสำคัญ และมีความน่าสนใจควรค่าแก่การลงทุนลงแรง อุทิศเวลาในการทำวิจัย และเป็นประโยชน์ต่อการนำไปใช้หรือไม่

หลังจากที่ผู้วิจัยสามารถสกัดปัญหา คำถามการวิจัยได้อย่างชัดเจน และได้ชื่อเรื่องวิจัย เราก็จะมาเริ่มเขียนบทนำการวิจัย สำหรับนักศึกษาและนักวิจัยมือใหม่ การเขียนบทนำอาจเป็นเรื่องยาก คิดไม่ออกว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี วันนี้เรามีเคล็ดลับและเทคนิคดี ๆ ที่จะทำให้ท่านเขียนบทนำได้อย่างมืออาชีพ ลุยไปพร้อมกันเลย!


เทคนิคที่ 1. เริ่มด้วยการวางแผนและเตรียมข้อมูลให้พร้อม

ก่อนลงมือเขียน ควรทำความเข้าใจหัวข้อวิจัยให้ชัดเจน นั่นคือ

  • ปัญหาการวิจัยของเราคืออะไร

  • ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญ หมายถึง ปัญหานี้มีขนาด ความรุนแรง และผลกระทบของปัญหาอย่างไร ยกตัวอย่าง เช่น

    - ขนาดของปัญหา ได้แก่ สถานการณ์ เช่น อัตราป่วย และอัตราการเข้ารับบริการ ฯลฯ

    - ความรุนแรงของปัญหา ได้แก่ อัตราความพิการ และอัตราตาย ฯลฯ

    - ผลกระทบของปัญหา ได้แก่ ปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม ค่าใช้จ่ายทั้งทางตรงและทางอ้อม ปัญหาการออกจากงาน การถูกตีตราทางสังคม ทั้งในระดับบุคคลและครอบครัว และประเทศชาติ ฯลฯ

    ซึ่งผู้วิจัยจะต้องนำเสนอข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เป็นปัจจุบัน และเปรียบเทียบให้เห็นแนวโน้ม (Trend) ของปัญหาที่เพิ่มขึ้น โดยนำเสนอเปรียบเทียบข้อมูลย้อนหลัง อย่างน้อย 5 ปี เช่น สถิติข้อมูลจากหน่วยงานทั้งในระดับโลก ภูมิภาค ประเทศ จังหวัด อำเภอ ตำบล และพื้นที่ รวมถึงงานวิจัยที่ผ่านมา

  • ประเด็นปัญหาการวิจัยนี้ได้รับนโยบายเพื่อมีการแก้ไขอย่างไร

  • คำตอบของการวิจัยเรื่องนี้คืออะไร เช่น

    - เพื่ออธิบายปรากฏการณ์ของปัญหา

    - เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ศึกษา

    - เพื่อวิเคราะห์ผลหรืออิทธิพลระหว่างปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ศึกษา

    - เพื่อวิเคราะห์ประสิทธิผลหรือผลของโปรแกรม/กิจกรรมที่แทรกแซงในกลุ่มตัวอย่าง

    - เพื่อพรรณนาหรือตีความหมายปรากฏการณ์ทางสังคมและวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นในบริบทชุมชนเฉพาะ

    - เพื่อพัฒนาหรือปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในบริบทของชุมชน

    - เพื่อรวบรวมข้อมูลการดำเนินกิจกรรมเพื่อประเมินคุณค่าและตัดสินใจในการกำหนดนโยบาย

  • มีงานวิจัยที่เกี่ยวข้องที่ผ่านมา ได้ศึกษาหรือหาคำตอบเกี่ยวกับประเด็นปัญหานี้อย่างไร

    ซึ่งเราจะสามารถนำแนวทางที่ได้จากการสังเคราะห์จากงานวิจัยที่ผ่านมา เพื่อต่อยอดการวิจัยของคุณ

  • เมื่องานวิจัยนี้เสร็จสิ้นแล้ว จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไร (ดูประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ)

  • เขียนบทนำให้กระชับ ตรงประเด็นสรุปการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติแทนการนำเสนอด้วยตาราง

เทคนิคที่ 2. มาเริ่มเขียนบทนำการวิจัยแบบมืออาชีพ กันเลย!

Paragraph แรก

ขึ้นต้นด้วยการเสนอประเด็นปัญหาหลักว่า ปัญหานี้มีขนาด ความรุนแรง และผลกระทบของปัญหา ในระดับกว้างแล้วแคบเข้ามาจนถึงระดับพื้นที่ (โลก ภูมิภาค ประเทศ จังหวัด อำเภอ ตำบล และพื้นที่ที่ทำการศึกษา)

Paragraph ที่ 2

นำเสนอนโยบายในการแก้ไขปัญหา (ระดับโลก ภูมิภาค ประเทศ จังหวัด อำเภอ ตำบล และพื้นที่ที่ทำการศึกษา)

    Paragraph ที่ 3

นำเสนอการทบทวนงานวิจัยที่เกี่ยวข้องที่สอดคล้องกับประเด็นที่สนใจ (ปัญหาการวิจัย)ของผู้วิจัย ประมาณ 3-5 เรื่อง ควรเป็นงานวิจัยที่มีความทันสมัย ไม่นานกว่า 5 ปี และมีความเกี่ยวข้องกับงานวิจัยของเรา (จริงๆ)เพื่อนำมาสรุปเชื่อมโยงให้สอดคล้องกับแนวทางการวิจัยของคุณ

คำว่า "งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง" หมายถึงงานวิจัยนั้นเกี่ยวกับประเด็นที่เรากำลังจะทำวิจัย ใช้ทฤษฎีและรูปแบบการวิจัยประเภทเดียวกัน

Paragraph ที่ 4

(สรุป) ดังนั้น ผู้วิจัยจึงสนใจทำวิจัยเรื่อง....โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ....ระบุประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ


เทคนิคที่ 3. หัวข้ออื่นๆ ที่ปรากฏใน บทที่1: บทนำ

หัวข้ออื่นๆ ที่ปรากฏในบทนำ (ศึกษารายละเอียดใน Ebook เรื่อง คัมภีร์นักวิจัย ในยุคดิจิทัล) ได้แก่

  วัตถุประสงค์ (สอดคล้องกับรูปแบบการวิจัย)เช่น

- เพื่ออธิบายปรากฏการณ์ของปัญหา

      - เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ศึกษา

      - เพื่อวิเคราะห์ผลหรืออิทธิพลระหว่างปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ศึกษา

      - เพื่อวิเคราะห์ประสิทธิผลหรือผลของโปรแกรม/กิจกรรมที่แทรกแซงในกลุ่มตัวอย่าง

      - เพื่อพรรณนาหรือตีความหมายปรากฏการณ์ทางสังคมและวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นในบริบทชุมชนเฉพาะ

      - เพื่อพัฒนาหรือปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในบริบทของชุมชน

      - เพื่อรวบรวมข้อมูลการดำเนินกิจกรรมเพื่อประเมินคุณค่าและตัดสินใจในการกำหนดนโยบาย

สมมติฐาน (สอดคล้องกับรูปแบบการวิจัย)

- การวิจัยที่มีการตั้งสมมติฐาน ได้แก่ การวิจัย (เชิงปริมาณ)ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบสมมติฐาน เช่นการวิจัยเพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ศึกษา หรือเพื่อวิเคราะห์ผลหรืออิทธิพลระหว่างปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ศึกษา

-  การวิจัยที่ไม่มีการตั้งสมมติฐาน ได้แก่ การวิจัยเชิงคุณภาพ การวิจัยเชิงปฏิบัติการ และการวิจัยเชิงประเมินผล

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

เป็นการระบุว่าเมื่องานวิจัยนี้เสร็จสิ้นแล้ว จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไร เช่น

- เป็นแนวทางในการบริหารจัดการ หรือพัฒนานโยบายที่เกี่ยวข้อง

      - เป็นแนวทางในการพัฒนางาน

      - เสนอผู้บริหารระดับต่างๆ เพื่อกำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้อง

นิยามศัพท์เฉพาะ

เป็นการอธิบายความหมายของตัวแปรหรือคำสำคัญเฉพาะที่ใช้ในการวิจัยนี้ในเชิงรูปธรรม ให้ผู้อ่านมีความเข้าใจตรงกัน สามารถวัดหรือประเมินเพื่อนำไปใช้ในการสร้างเครื่องมือการวิจัย ต่อไป (ติดตามเรียนรู้จาก ResearchCom1 Blog)


สรุป

  • การเขียนบทนำที่ดีเป็นเสมือนประตูแรกที่เปิดเข้าสู่งานวิจัยของเรา บทนำการวิจัยจะเป็นแกนหลักที่ส่งความสอดคล้องกับคำถามการวิจัย และวัตถุประสงค์ เพื่อเชื่อมโยงต่อไปยังบทที่ 2 การทบทวนวรรณกรรม และบทที่ 3 ระเบียบวิธีวิจัย

  • เมื่อ 3 บทแรกมีความสอดคล้องกันแล้ว บทที่ 4 ผลการวิจัย และบทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ จะเป็นผลที่ตามมาจากความถูกต้องเชื่อมโยงกันของ 3 บทแรก

  • หลังจากนั้นก็มาขัดเกลาการใช้ภาษาในแต่ละParagraphให้มีความเป็นวิชาการ หากผู้วิจัยได้นำแนวทางตาม "เทคนิคการเขียนบทนำ (Introduction) แบบมืออาชีพ" ที่ได้อธิบายและยกตัวอย่างมานีัมาประยุกต์ใช้ จะช่วยท่านมีความมั่นใจและมีโอกาสสูงในการได้รับการยอมรับจากอาจารย์ที่ปรึกษา คณะกรรมการสอบ หรือคณะกรรมการพิจารณางานวิจัย

  • หากท่านมีข้อสงสัย เกี่ยวกับหัวข้อวิจัยประเด็นต่างๆ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน E-Book เรื่องคัมภีร์นักวิจัย ในยุคดิจิทัล (The Researcher's Handbook in the Digital Age) โดย ดร.ชุภาศิริ อภินันท์เดชา (Chupasireen A Fredregill, Ph.D. Public Health)



    ree

 
 
 

Comments


bottom of page