เลือกรูปแบบการวิจัย (Research Design)อย่างไร เมื่อได้หัวข้อวิจัยแล้ว: แนวทางการเลือกวิธีวิจัยที่เหมาะสม
- Chupasireen A Fredregill, Ph.D.Public Health

- May 22
- 1 min read
Updated: May 25
บทนำ
การออกแบบการวิจัยว่าจะเลือกรูปแบบการวิจัย (Research Design)แบบใด ขึ้นอยู่กับคำถามการวิจัยเป็นสำคัญ เมื่อได้รูปแบบการวิจัยที่สอดคล้องกับหัวข้อหรือคำถามวิจัย จะนำไปสู่การกำหนดระเบียบวิธีวิจัยที่มีความเป็นเฉพาะและแตกต่างกันในแต่ละรูปแบบการวิจัย ตั้งแต่การกำหนดประชากร กลุ่มตัวอย่าง วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนั้น การวางแผนและเลือกวิธีวิจัยอย่างรอบคอบจึงมีความสำคัญ เพื่อนำไปสู่ผลการวิจัยที่มาจากระเบียบวิธีวิจัยที่ถูกต้อง มีคุณภาพ และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อไปได้
ขั้นตอนการเลือกรูปแบบการวิจัย
ทำความเข้าใจหัวข้อวิจัย และตั้งคำถามการวิจัยให้ชัดเจน
ก่อนที่จะเลือกวิธีวิจัย ควรเริ่มจากการวิเคราะห์หัวข้อให้เข้าใจอย่างละเอียดว่า สิ่งที่เป็น
ปัญหาที่เราต้องการศึกษาเพื่อค้นหาคำตอบคืออะไร แล้วกำหนดคำถามและวัตถุประสงค์ของการ
วิจัยให้ชัดเจน จะช่วยให้เราสามารถเลือกรูปแบบการวิจัยเพื่อนำไปกำหนดเป็นระเบียบวิธีวิจัยใน
การศึกษาคำตอบ ต่อไป
กำหนดวัตถุประสงค์การวิจัยที่สอดคล้องกับคำถามการวิจัย
การกำหนดวัตถุประสงค์การวิจัยมีความสอดคล้องกับหัวข้อและคำถามการวิจัย
วัตถุประสงค์ที่ชัดเจนจะช่วยให้ผู้วิจัยสามารถเลือกรูปแบบการวิจัยที่สอดคล้อง เหมาะสม และ
ถูกต้องตามระเบียบวิธีวิจัย เช่น
เพื่ออธิบายปรากฏการณ์ (ตัวแปร) ที่ต้องการทราบ
เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระและตัวแปรตาม
เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุระหว่างตัวแปรอิสระและตัวแปรตาม
วิเคราะห์ประสิทธิผลของโปรแกรม/กิจกรรมที่เป็นการแทรกแซกแทรง (Intervention)
เพื่ออธิบายและตีความหมาย (Interpretation) ของปรากฏการณ์ในบริบททางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนหนึ่งๆ
เพื่อปรับปรุง พัฒนา หรือเปลี่ยนแปลงในประเด็นเฉพาะของชุมชน หรือบริบทหนึ่งๆ
เพื่อรวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลผลการดำเนินงานกิจกรรมหรือโครงการต่างๆ เพื่อประเมินคุณค่า และข้อมูลเพื่อการตัดสินใจกำหนดนโยบาย
เพื่อสรุปข้อมูลจากการวิจัยประเด็นเดียวกัน จำนวนหลายชิ้นให้เป็นข้อสรุปที่น่าเชื่อถือและครอบคลุมมากขึ้น
เลือกประเภทของรูปแบบการวิจัย
เมื่อผู้วิจัยมีวัตถุประสงค์ในการวิจัยที่ชัดเจนแล้ว สามารถนำมาพิจารณาเลือกรูปแบบการวิจัยที่
มีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการศึกษา ดังนี้
การวิจัยเชิงพรรณนา (Descriptive Research) มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายปรากฏการณ์ (ตัวแปร) ที่ต้องการทราบ ด้วยข้อมูลทางสถิติ(เชิงพรรณนา) โดยไม่ต้องการทดสอบสมมติฐานและใช้สถิติเพื่อการทดสอบสมมติฐาน
การวิจัยเชิงสัมพันธ์ (Correlational Research) มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระและตัวแปรตาม โดยมีการทดสอบสมมติฐานและใช้สถิติเพื่อทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร แต่ไม่สามารถระบุความเป็นเหตุและผลของตัวแปรอิสระที่มีต่อตัวแปรตามได้
การวิจัยเชิงสาเหตุ (Causal Research) มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุระหว่างตัวแปรอิสระและตัวแปรตาม โดยมีการทดสอบสมมติฐานและใช้สถิติเพื่อทดสอบอิทธิพลหรือผลของตัวแปรอิสระที่มีต่อตัวแปรตาม โดยสามารถทำนายว่าตัวแปรอิสระที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละหน่วยมีผลต่อตัวแปรตามอย่างไร
การวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research)มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ประสิทธิผลของโปรแกรม/กิจกรรมที่เป็นการแทรกแซกแทรง (Intervention) (จัดอยู่ในกลุ่มการวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุระหว่างตัวแปรอิสระและตัวแปรตามด้วย) โดยการเปรียบเทียบความแตกต่างของ ค่าเฉลี่ยระหว่างตัวแปรอิสระ (โปรแกรม/กิจกรรมที่แทรกแซง) และตัวแปรตาม (ประสิทธิผล) โดยมีการทดสอบสมมติฐานและใช้สถิติเพื่อการทดสอบอิทธิพลหรือผลระหว่างตัวแปรอิสระและตัวแปรตาม
การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายและตีความหมาย (Interpretation) ของปรากฏการณ์ในบริบททางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนหนึ่งๆ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้วิธีการพรรณนาและตีความหมาย แล้วนำมาวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ไม่เน้นการใช้สถิติเพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลและทดสอบสมมติฐาน
การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุง พัฒนา หรือเปลี่ยนแปลงในประเด็นเฉพาะของชุมชนหนึ่งๆ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้วิธีการพรรณนาและตีความหมาย แล้วนำมาวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) อย่างไรก็ตามอาจจะมีการใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่ออธิบาย หรือเปรียบผลของการพัฒนา (ก่อนและหลังการพัฒนา)
การวิจัยเชิงประเมินผล (Evaluation Research) มีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลผลการดำเนินงานกิจกรรมหรือโครงการต่างๆ เพื่อประเมินคุณค่าและได้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจและกำหนดนโยบาย เช่น การประเมินผลความสำเร็จหรือผลกระทบของโครงการ นโยบาย หรือโปรแกรมต่าง ๆ เพื่อดูว่าบรรลุเป้าหมายหรือไม่ หรือควรดำเนินการต่อไปหรือไม่ การวิเคราะห์ความมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลของกิจกรรมหรือโครงการนั้น ๆ
อื่นๆ เช่น การวิเคราะห์เชิงเมตา (Meta-analysis) มีวัตถุประสงค์เพื่อสรุปผลการวิจัยประเด็นเดียวกัน จำนวนหลายชิ้นให้เป็นข้อสรุปที่น่าเชื่อถือและครอบคลุมมากขึ้น โดยประเมินความแข็งแรงและความน่าเชื่อถือของผลลัพธ์จากการศึกษาต่าง ๆด้วยสถิติการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อเพิ่มความแม่นยำของผลสรุป โดยลดอิทธิพลของความแปรปรวนที่อาจเกิดจากการศึกษาที่มีขนาดตัวอย่างเล็กหรือข้อผิดพลาดในแต่ละงาน
เคล็ดลับและข้อควรระวัง
ตรวจสอบรูปแบบการวิจัยให้สอดคล้องกับคำถามวิจัย และวัตถุประสงค์การวิจัย
ประเมินความพร้อมของผู้วิจัยในการทำวิจัยรูปแบบต่างๆ เช่น ความสามารถในการเข้าถึงกลุ่มตัวอย่างหรือผู้ให้ข้อมูล ทรัพยากร และระยะเวลา
ศึกษาระเบียบวิธีวิจัยของรูปแบบการวิจัยนั้นๆให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ แล้ววางแผนการวิจัยตามแนวทางของรูปแบบการวิจัยทุกขั้นตอน
สรุป
การเลือกแบบวิจัยเป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเริ่มจากการวิเคราะห์หัวข้อและคำถามวิจัยเพื่อให้มีความชัดเจน แล้วเลือกรูปแบบการวิจัยที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งจะช่วยให้ผลลัพธ์ของงานวิจัยมีความน่าเชื่อถือและนำไปใช้ประโยชน์ได้สูงสุด
เมื่อผู้วิจัยได้รูปแบบการวิจัยที่มีความสอดคล้องกันระหว่างหัวข้อ คำถามการวิจัย และวัตถุประสงค์การวิจัยแล้ว ก็สามารถวางแผนการวิจัยตามระเบียบวิธีการวิจัยนั้นๆ เป็นขั้นตอนต่อไป (ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน E-Book เรื่องคัมภีร์นักวิจัย ในยุคดิจิทัล (The Researcher's Handbook in the Digital Age) โดย ดร.ชุภาศิริ อภินันท์เดชา (Chupasireen A Fredregill, Ph.D. Public Health)



Comments