top of page
Search

เลือกหัวข้อวิจัยอย่างไรให้ไม่ Out (ไม่ล้าสมัยและน่าสนใจ)

  • Writer: Chupasireen A Fredregill, Ph.D.Public Health
    Chupasireen A Fredregill, Ph.D.Public Health
  • May 22
  • 1 min read

Updated: May 25

บทนำ

การทำวิจัยให้สำเร็จและได้รับความน่าเชื่อถือเรื่องหนึ่งๆนั้น นักวิจัยจะต้องอุทิศเวลา แรงกายและแรงใจในการแสวงหาความรู้ที่ถูกต้องตามระเบียบวิธีวิจัย

ดังนั้นการเลือกหัวข้อวิจัย (Research Topic) เป็นบันไดก้าวแรกในการแสวงหาความรู้ความจริงที่สำคัญ ที่จะกำหนดทิศทางและความสำเร็จในการทำวิจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจุบันโลกแห่งวิทยาการมีการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าและทันสมัย ดังนั้นจะทำอย่างไรดีที่หัวข้อวิจัยนั้นไม่กลายเป็นเรื่องล้าสมัยหรือ Out ไปเสียก่อน ลองมาดูแนวทางและเทคนิคที่ช่วยให้ท่านเลือกหัวข้อวิจัยที่มีความความทันสมัย และสามารถนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า


  1. Problem: หัวข้อวิจัยมาจากคำถามหรือข้อสงสัยที่อยู่รอบตัวเรา

    หัวข้อวิจัยส่วนใหญ่ได้มาจากคำถามหรือข้อสงสัยที่อยู่รอบตัวของเรา โดยที่ผู้วิจัยต้องการแสวงคำตอบนั้นๆด้วยวิธีการวิจัย เช่น เหตุการณ์ในชีวิตประจำวัน หรือข้อมูลจากการทำงาน ฯลฯ บางคนอาจจะมีคำถามหรือข้อสงสัยหลายข้อ อย่างไรก็ตาม การวิจัยที่ดีควรเป็นการตอบคำถามการวิจัยเฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง คำถามการวิจัยที่มีความชัดเจนจะนำไปสู่การค้นหาคำตอบในการทำวิจัยและออกแบบการวิจัยได้อย่างถูกต้องดังนั้นขอให้คุณ(ฝึก)ตั้งคำถามการวิจัยในหัวข้อที่สนใจเอาไว้ เพื่อนำมากลั่นกรองหัวข้อที่มีความเป็นไปได้ในการทำวิจัยมากที่สุด

  2. Trend: ศึกษาแนวโน้มและเทรนด์ปัจจุบันของการวิจัย

    ทำหัวข้อการวิจัยให้มีความชัดเจนด้วยการศึกษาแนวโน้มและเทรนด์ปัจจุบันของการวิจัยในปัจจุบัน (ย้อนหลังไปไม่นานเกิน 5 ปี จะได้ไม่หลุดTrend) เพื่อดูว่าหัวข้อไหนที่ควรค่าแก่การได้รับความสนใจและพัฒนาขึ้นใหม่ๆ หรือในกรณีที่ยังไม่มีหัวข้อการวิจัยตามข้อ(1)ก็ตาม ท่านสามารถติดตามข่าวสารและงานวิจัยล่าสุดจากแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่นการอ่านวารสารวิชาการ งานประชุมวิชาการ รายงานสถานสุขภาพ รายงานประจำปีของหน่วยงานรายงานการสำรวจประชากรหรือสุขภาพคนไทย ประกาศให้ทุนสนับสนุนการวิจัยในประเทศ เช่น สำนักงานคณะกรรมการการวิจัยแห่งชาติ (วช.) หรือบทความวิจัยในฐานข้อมูลชั้นนำ ซึ่งในปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีเกี่ยวกับการสืบค้นข้อมูลจากฐานข้อมูลทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก เป็นตัวช่วยเพิ่มโอกาสเข้าถึงข้อมูลงานวิจัยได้โดยง่ายดายเช่น Google, Google Scholar, PubMed, และฐานข้อมูลวารสารทางวิชาการ เช่น Thai Journals Online (THAIJO) โดยใช้คำสำคัญ (Key word)ที่เกี่ยวข้อง เช่น

"การใช้ยาที่ไม่สมเหตุผล"+"วิจัย"

"โรคไข้เลือดออก"+"การมีส่วนร่วม"+"วิจัย" (สนใจในประเด็นการมีส่วนร่วม ซึ่งมีความเป็น

เฉพาะมากขึ้น

  1. Literature Review & Discussion: ทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง

          ค้นคว้าตำราและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง โดยให้ความสนใจ (Focus)กับรูปแบบการวิจัยที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับงานวิจัยของเรา เช่น กรณีการวิจัยเกี่ยวกับการใช้ยาที่ไม่สมเหตุผล ควรจะใช้ คำสำคัญ (Key Word) ดังนี้

                "การใช้ยาที่ไม่สมเหตุผล"+"วิจัยเชิงปฏิบัติการ"

               หรือมีคำถามการวิจัยว่า ประสิทธิผลของโปรแกรมที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเป็นอย่างไร ควรจะใช้ คำสำคัญ (Key Word) ดังนี้

                "Asthma"+"Experimental Research" หรือ  "Asthma"+"RCT"(รูปแบบการทดลองเฉพาะของการวิจัยเชิงทดลอง)

             การใช้คำสำคัญ (Key Word) ที่มีความเฉพาะเจาะจงจะช่วยให้สามารถค้นคว้างานวิจัยที่เกี่ยวข้องได้ตรงกับเรื่องและรูปแบบการวิจัยที่มีความทันสมัยและน่าสนใจมากที่สุด

    นอกจากนี้ การวิเคราะห์ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไปจากบทความวิจัย จะช่วยให้ทราบทิศทางการวิจัยในแต่ละประเด็นในครั้งต่อไป

  2. Gap Analysis: ค้นหาช่องว่างในงานวิจัยเดิม

    ไม่ควรเลือกหัวข้อที่ซ้ำซากหรือเคยถูกวิจัยมาแล้วทั้งหมด ควรหาช่องว่างที่ยังไม่ได้รับการสำรวจอย่างเต็มที่ หรือปัญหาที่ยังไม่มีคำตอบชัดเจน ซึ่งจะทำให้หัวข้อของคุณมีความใหม่และน่าสนใจมากขึ้น

  3. Expert Discussion: แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้เชี่ยวชาญ หรือนักวิจัยในสาขาเดียวกัน

           การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้เชี่ยวชาญ หรือนักวิจัยในสาขาเดียวกันจะช่วยให้ท่านได้รับข้อมูลและแนวคิดใหม่ๆ รวมถึงแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นและยังไม่ล้าสมัย

  4. Research Question & Title & Research Design: ประมวลคำถามการวิจัยให้ชัดเจน (เฉพาะเจาะจง) ตั้งชื่อเรื่องวิจัยให้สอดคล้องกับปัญหา คำถาม และรูปแบบการวิจัย

    หลังจากที่ได้ศึกษาตามข้อ (2), (3), และ (4) ให้กลับมาประมวลคำถามการวิจัยให้ชัดเจนว่าการวิจัยของเราต้องการทราบคำตอบเกี่ยวกับอะไร ซึ่งจะนำไปสู่การออกแบบการวิจัยที่แตกต่างกัน

    - อธิบาย หรือตีความหมายปรากฎการณ์ทางสังคมหรือวัฒนธรรมที่เกิดขึ้น

    - อธิบายปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับ หรือปัจจัยที่มีผล/อิทธิพลต่อสิ่งที่ต้องการศึกษา

    - พัฒนา หรือทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของบริบท หรือชุมชนหนึ่งๆ

    - แทรกแซง หรือมีกิจกรรมเพื่อติดตามผล หรือประเมินประสิทธิผลของกิจกรรม/ โปรแกรม

    - ประเมินโครงการที่หน่วยงานกำลังดำเนินการหรือเสร็จสิ้นโครงการแล้ว

  5. Feasibility Assessment: ประเมินความเหมาะสมของวิธีการวิจัยกับทรัพยากรและความสามารถของผู้วิจัย

    ประเมินความเหมาะสมของหัวข้อและรูปแบบการวิจัยกับความสามารถ และทรัพยากรของผู้วิจัยเช่น เครื่องมือ วัสดุ หรือความรู้ จะช่วยให้สามารถทำวิจัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำเร็จ ทันเวลา และทันสมัย


    สรุป

    • การเลือกหัวข้อวิจัย สำหรับนักวิจัยมือใหม่ อาจจะดูเป็นเรื่องยาก ขอให้ท่านใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าและทบทวนงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง(กับเรื่องที่ท่านสนใจ) อย่างต่อเนื่อง ตามหัวข้อที่ 1-7 นี้ จะช่วยให้ท่านไปสู่การพัฒนาโครงร่างการวิจัย และทำวิจัยได้สำเร็จอย่างมีคุณภาพ "เลือกหัวข้อดี มีชัยไปเกือบครึ่ง"

    • ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน E-Book เรื่องคัมภีร์นักวิจัย ในยุคดิจิทัล (The Researcher's Handbook in the Digital Age) โดย ดร.ชุภาศิริ อภินันท์เดชา (Chupasireen A Fredregill, Ph.D. Public Health)


    ree

 
 
 

Comments


bottom of page